เราต่างรู้ว่าการออกกำลังกาย ดีต่อสุขภาพ แต่ทำไมการลงมือทำนั้นช่างยากเย็นเข็ญใจเสียเหลือเกิน บางทีอาจเป็นเพราะเรามองภาพการออกกำลังกาย “ใหญ่” เกินไป ลองเริ่มจากก้าวเล็กๆ
เริ่มต้นด้วยการเดินทุกวัน ทำกิจกรรมที่กระฉับกระเฉงทุกวันแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ด็อกเตอร์คริสติน คาร์เตอร์ ผู้เขียนหนังสือ The Sweet Spot บอกว่าการทำไปตามขั้นตอนทีละขั้นเล็กๆ ทำให้รู้สึกเบาสบายไม่กดดันตัวเอง จะทำสำเร็จได้บ่อยๆ มีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะบรรลุเป้าหมายขั้นต่อไป ลองถามตัวเองว่าฉันสามารถทำได้มากขึ้นสัก 5% หรือไม่ เช่น ฉันสามารถออกกำลังกายเพิ่มขึ้นอีก 5% หรือไม่ แล้วถ้ายังรู้สึกว่า 5% หนักนั้นมากเกินไป ให้ถามตัวเองว่า ฉันสามารถทำได้เพิ่มขึ้นสัก 1% หรือไม่ คุณอาจคิดว่า 1% ไม่มาก แต่มันมีความหมายสำคัญทุกช่วงขณะ
ในระหว่างการออกกำลังกาย ให้สังเกตความรู้สึก: เจ็บกล้ามเนื้อเมื่อเดินหรือวิ่งเสร็จ กล้ามเนื้อเหยียดยืดระหว่างท่าโยคะ นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกที่ไม่พึงปรารถนา เช่น เจ็บหรือชา สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณว่าคุณใช้งานร่างกายมากเกินไป
เรามักจะสร้างเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่โดยไม่คิดถึงสิ่งที่เป็นจริง เช่น บอกตัวเองว่าจะเริ่มออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมงทุกวัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ซึ่งมักจะมีความเสี่ยงกับความล้มเหลว ให้ลองตั้งเป้าหมายที่เล็กลงและทำได้สำเร็จโดยที่คุณรู้ว่าคุณสามารถเอาชนะได้ และสร้างจากจุดนั้น ความมั่นใจของคุณจะเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับเป้าหมาย “เล็กๆ น้อยๆ” ที่คุณบรรลุผล
การกำหนดความตั้งใจที่ชัดเจน ความตั้งใจอันแรงกล้าจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง เช่น ฉันจะไปวิ่งเพื่อเคลียร์หัว, ในคลาสโยคะนี้ ฉันจะใจดีกับตัวเอง, ระหว่างที่ฉันเดิน ฉันจะปล่อยให้ความคิดที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้หลุดลอยไป,ฉันจะไปว่ายน้ำเพื่อเพิ่มพลัง, ฉันจะไม่ตัดสินตัวเองระหว่างคลาสเวทเทรนนิ่งนี้ หรือขอให้การเดินป่าครั้งนี้ทำให้ฉันสบายใจ
ไม่จำเป็นต้องเอาชนะตัวเองเพื่อออกกำลังกายทุกวัน ลองคุยกับตัวเองว่า “คุณทำได้” และชื่นชมตัวเองเมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้ว
การจริงจังกับการออกกำลังกายมากเกินไปจะทำให้ความสุขหมดไป หากคุณมีอารมณ์ขันกับเรื่องทั้งหมดได้ คุณอาจพบว่าตัวเองใช้เวลาออกกำลังกายนานขึ้นเรื่อย ๆ หัวเราะให้กับความผิดพลาด หยุดพักเพื่อชมวิว ให้กำลังใจตัวเอง เช่น “ฉันคิดว่าฉันทำได้ ฉันคิดว่าฉันทำได้”
การออกกำลังกายในแต่ละวันจะฟังดูดี แต่เมื่อการเปลี่ยนแปลงตาราง สิ่งสุดท้ายที่ควรมีคือการเครียดกับการออกกำลังกาย เป้าหมายคือความสม่ำเสมอ คุณไม่ใช่ทาสของตารางการออกกำลังกาย ร่างกายจะแตกต่างในแต่ละวัน บางวันคุณอาจจะคึกคักเหมือนเต้นได้ทั้งวัน บางวันแค่ขยับตัวแทบไม่ไหว แค่รับรู้จุดสูงสุดและจุดต่ำของตัวเอง
ในการออกกำลังกายครั้งต่อไป เมื่อเสร็จแล้วให้หยุดสักพักเพื่อรับรู้และดื่มด่ำกับอารมณ์ความรู้สึกนั้น เพื่อที่จะได้เป็นแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายครั้งต่อไป
สภาพร่างกายสะท้อนถึงสภาพจิตใจ การเดินที่ดีจะช่วยขจัดความสับสนในจิตใจ การวิ่งที่มีจังหวะดีสามารถระงับอารมณ์ที่กระวนกระวายใจได้ การปั่นจักรยานไปตามถนนที่เปิดกว้างสามารถปลดหัวใจที่หนักหน่วงได้ การขยับร่างกายของคุณจะกระตุ้นสิ่งต่างๆ และเขย่าสิ่งต่างๆ ออกไปในแบบที่ไม่มีอะไรสามารถทำได้ เพิ่มพลังให้กับร่างกายของคุณ และคุณจะเติมพลังให้กับจิตใจของคุณ ทำร่างกายให้สงบ แล้วจิตใจก็จะสงบ