คนเรานั้นโหยหาความดีงามไม่น้อยไปกว่าน้ำ อากาศ และอาหาร ทั้งนี้เพราะในส่วนลึกแห่งจิตใจของทุกคนล้วนต้องการความดีงามเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง แม้ว่าความสนุกสนานตื่นเต้นจะมีเสน่ห์ดึงดูดใจ แต่ในยามที่จิตนิ่งสงบ ปลอดจากสิ่งเร้า ความรู้สึกดื่มด่ำเมื่อได้ฟังเรื่องราวดีๆ ของผู้คนกลับทำให้เราเป็นสุขได้มากกว่า
แม็คเป็นเด็กอายุ ๗ ขวบ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเขาจะไปเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เพื่อนคนหนึ่งของแม็คชื่อเก๋งเป็นลูกภารโรง พ่อของเขาเป็นคนดุและบางครั้งก็ตีลูก
วันหนึ่งแม็ควิ่งมาหาแม่แล้วบอกว่า “แม่ๆ แม็คขอ ๑๐ บาท” แม่ถามเหตุผลก็ได้คำตอบว่า “จะเอาไปให้เก๋งครับ” เมื่อแม่ถามต่อ แม็คก็อธิบายว่า “เก๋งทำเงินหาย ๑๐ บาทครับ”
แม่ซักลูกว่าไปทำเงินของเก๋งหายหรือเปล่า แม็คตอบว่าเปล่า แม่จึงไม่ยอมให้เพราะเกรงว่าต่อไปถ้าเก๋งทำเงินหายอีกแม็คก็จะต้องมาขอเงินจากแม่เพื่อเอาไปให้เขาอีกไม่รู้จบ แต่แม็คก็ยังรบเร้า สุดท้ายก็ตัดใจพูดว่า “แม็คขอครั้งสุดท้ายครับแม่ พรุ่งนี้แม่ไม่ต้องเอาตังค์ให้แม็คก็ได้ หักค่าขนมของแม็คก็ได้ แม็คสงสารเก๋ง ถ้าเก๋งไม่เจอตังค์ พ่อของเก๋งจะตีเก๋งครับ ให้ตังค์แม็คหน่อย แม็คจะเอาไปให้เก๋ง”
ถึงไม่ใช่แม่ของแม็ค เราเองก็คงอดซาบซึ้งในน้ำใจของแม็คไม่ได้ เรื่องราวดีๆ อย่างนี้นอกจากทำให้เรามีความสุขแล้ว ยังสามารถกระตุ้นเร้าพลังบางอย่างในใจของเรา จนทำให้เราอยากทำความดีด้วย นั่นก็เพราะเราทุกคนมีความดีอยู่ในจิตใจด้วยกันทั้งนั้น ความดีในจิตใจสถิตอยู่กับมนุษย์ทุกคนมาตั้งแต่เล็ก (หรืออาจตั้งแต่เกิด) ดังแม็คเป็นตัวอย่างชัดเจน ความดีที่สถิตกลางใจนี้แหละที่ทำให้เราโหยหาความดี เป็นสุขเมื่อได้ยินเรื่องราวดีๆ ของผู้คน และทำให้เราอยากทำความดี ทั้งหมดนี้ช่วยให้ความดีในจิตใจของเราเบ่งบาน ทำให้ชีวิตงดงาม และทำให้โลกงดงามด้วย
ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ก็ไม่อาจปฏิเสธความดีที่สถิตอยู่กลางใจของเราได้ จะเสพสุขใส่ตัวเพียงใด ในส่วนลึกก็ยังอยากทำความดี เพราะความดีกลางใจเรานั้นเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ ที่ปรารถนาจะแตกยอดออกเป็นต้นกล้า และรอวันเติบโตเป็นไม้ใหญ่ การปฏิเสธที่จะทำความดีก็คือการสกัดกั้นมิให้เมล็ดพันธ์นั้นเติบโต แต่ไม่มีใครที่จะทำเช่นนั้นได้สำเร็จ และไม่มีใครเป็นสุขที่ได้ทำเช่นนั้น แม้แต่คนที่เลวร้ายอย่างมหันต์ก็ยังอยากทำความดี อย่างน้อยก็ในบั้นปลายของชีวิต
ความดีงามทำให้ชีวิตพัฒนาอย่างไม่มีทีสุด ศักยภาพภายในเบ่งบานอย่างไม่มีประมาณ และทำให้สัมผัสกับความสุขอย่างลึกซึ้ง ความสุขไม่ได้เกิดจากการเสพหรือเอาเข้าตัวเท่านั้น ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลหรือการให้ก็เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอย่างหนึ่ง สุขเพราะเห็นผู้ทุกข์ยากได้กลับแย้มยิ้ม เห็นโลกที่หดหู่แห้งแล้งกลับสดใสสวยงาม สุขเพราะได้ทำสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต และดังนั้นจึงทำให้ชีวิตมีความหมายยิ่งกว่าเดิม ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือ สุขเพราะได้ตอบแทนโลก
เราทุกคนมีความดีอยู่ในจิตใจด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ก็ไม่อาจปฏิเสธความดีที่สถิตอยู่กลางใจของเราได้
คนไทยได้เคยแสดงน้ำใจอันยิ่งใหญ่มาแล้วเมื่อเกิดมหันตภัยสึนามิที่ภาคใต้ ผู้คนทุกเพศทุกวัยไม่เว้นแม้แต่เด็กและวัยรุ่นจำนวนมากได้ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลายคนได้เข้าไปช่วยกู้ศพ พลิกศพ และทำทุกอย่างเพื่อพาเขากลับบ้าน แม้ศพนับร้อยนับพันนั้นจะเน่าเฟะและส่งกลิ่นเหม็นเพียงใด ประสบการณ์เหล่านั้นแทบทุกคนไม่เคยปรารถนาจะเจอะเจอหรือนึกว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้ แต่แล้วเขาก็พบว่าตนเองทำได้ เมื่อสถานการณ์เรียกร้อง ความดีทีมีอยู่ในใจก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ หากสำแดงพลังออกมาเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ที่แม้แต่ตนเองก็พิศวงว่าทำได้อย่างไร
ประสบการณ์ครั้งนั้นได้ทำให้หลายคนไม่เพียงค้นพบศักยภาพอันยิ่งใหญ่ภายในตนเองเท่านั้น หากยังก้าวพ้นจากความกลัว สู่มิติใหม่ของชีวิต และค้นพบความสุขจากการเสียสละ หลายคนได้เติบโตขึ้นจากการทำสิ่งยากที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่เราไม่จำเป็นต้องรอให้มหันตภัยสึนามิเกิดขึ้นก่อนความดีถึงจะพรั่งพรูออกมาจากใจได้ ทุกวันนี้มีผู้ประสบภัยอีกมากมายที่รอคอยความช่วยเหลือจากเรา เพียงเปิดใจรับรู้ความทุกข์ของเขาเหล่านั้น เราก็อาจสัมผัสถึงพลังบางอย่างในใจที่ขับเคลื่อนให้เราอยู่เฉยไม่ได้ แต่จะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยเขาเหล่านั้นเท่าที่จะทำได้
อย่าปฏิเสธพลังดังกล่าว ก้าวเท้าออกมาและช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อเขาเหล่านั้น ไม่ว่าอยู่จุดไหนเราก็สามารถทำประโยชน์ได้ทั้งนั้น บางคนอาจช่วยปลูกต้นไม้ บางคนถนัดสร้างบ้าน บางคนชอบดูแลเด็ก แต่บางคนถนัดพิมพ์ดีดหรือทำบัญชี ไม่ว่าเป็นงานอะไรก็ล้วนมีส่วนช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสร้างสรรค์สังคมด้วยกันทั้งนั้น สิ่งสำคัญก็คือจิตอาสาหรือน้ำใจที่จะช่วย
การช่วยเหลือผู้อื่นหรือทำประโยชน์แก่ส่วนรวมจัดว่าเป็น “บุญ” อย่างหนึ่งในพุทธศาสนา คนไทยนั้นนิยมทำบุญในวาระสำคัญของชีวิตหรือในวันสำคัญทางศาสนา หากเรามาชักชวนกันทำความดีให้แก่ส่วนรวมในโอกาสดังกล่าวนอกเหนือจากที่ทำตามประเพณีแล้ว จะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแก่บ้านเมือง
ความดีนั้นเปรียบเสมือนดอกไม้ในจิตใจของเรา หากเราทำความดีคนเดียว ดอกไม้ก็เพียงแต่บานในใจเรา แต่เมื่อใดก็ตามที่เราพร้อมใจกันทำความดี ก็เท่ากับว่าดอกไม้ได้บานสะพรั่งไปทั้งประเทศ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อถึงเวลานั้น โลกและชีวิตจะสวยสดงดงามเพียงใด