สัมโมทนียกถาในการบำเพ็ญบุญทางพุทธศาสนาในวาระครบรอบ ๓๐ ปีเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ณ สถานที่แห่งนี้ ในเวลาเดียวกันนี้ ความโกรธเกลียดและความหลงได้แผ่คลุมจิตใจจนผลักไสให้คนไทยจำนวนหนึ่งเข้าประหัตประหารเพื่อนร่วมชาติอย่างน่าสลดใจ อีกทั้งยังผลักสังคมไทยให้ถลำสู่ความมืดมนอนธกาลเป็นเวลาหลายปี
วันนี้เราทั้งหลายได้มาประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ เพื่อรำลึกถึงญาติมิตรและผู้เป็นที่รักซึ่งได้จากไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น เขาเหล่านั้นเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ จิตใจเต็มไปด้วยความใฝ่ฝันและอุดมคติ พร้อมอุทิศตนเพื่อสิทธิเสรีภาพและความยุติธรรม แม้เขาจะจากไปก่อนวัยอันควร แต่ชีวิตและความใฝ่ฝันของเขาเหล่านั้นยังประทับแน่นอยู่ในความทรงจำของเราทุกคนเสมอมา
เรามาประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ มิใช่เพียงเพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่เขาเหล่านั้น แต่เพื่อย้ำเตือนให้สังคมไทยรำลึกถึงคนเหล่านั้น ด้วยความเคารพ และอย่างสมควรแก่ฐานะของบุคคลที่ยอมพลีตนเพื่ออุดมคติและมาตภูมิ สังคมไทยจะก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจไม่ได้เลย หากหลงลืมบุคคลที่เป็นตัวแทนแห่งอุดมคติและความใฝ่ฝันของยุคสมัย
การมาชุมนุมกันในวันนี้ยังควรเป็นโอกาสแห่งการเตือนสติสังคมไทยเพื่อมิให้ซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีต ความรุนแรงไม่เคยเป็นวิถีทางสู่สันติสุขได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าใครจะคิดต่างกันเพียงใด ก็หาใช่ศัตรูของเราไม่ เพราะศัตรูที่แท้จริงของเราคือความโกรธ เกลียด ความคิดที่คับแคบ และการติดยึดในลัทธิอุดมการณ์จนไม่เห็นคุณค่าและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ สังคมไทยจะไม่มีสันติได้เลยหากความโกรธเกลียด ความคับแคบ และความติดยึดอย่างงมงายยังแผ่คลุมจิตใจของผู้คน
ขอให้พิธีกรรมในวันนี้จงประสานดวงใจของเราทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อร่วมกันจรรโลงอุดมคติและความใฝ่ฝันซึ่งเคยบรรเจิด ณ สถานที่แห่งนี้เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ไม่ให้ดับสูญไป ขอให้เราทุกคนรวมกันเป็นพลังแห่งความดี เพื่อเชิดชูคุณธรรมให้อยู่เหนือความชั่วร้าย เพื่อให้ความรักเอาชนะความเกลียดชัง เพื่อให้สติปัญญาเอาชนะความหลงงมงาย และเพื่อให้สันติธรรมเอาชนะความรุนแรง ขอให้ความดีทั้งหลายในใจเราจงรวมพลังดังแสงสว่างที่ขับไล่ความมืดมนออกไปจากสังคมไทย เพื่อจะได้ไม่มีใครตายเพราะอกุศลธรรมดังกล่าวอีกต่อไป
ขอให้ความเป็นมนุษย์ของเราจงอยู่เหนือเส้นแบ่งทางลัทธิอุดมการณ์ หรือความต่างทางศาสนา เชื้อชาติ ภาษา และสีผิว ทั้งนี้เพื่อเราจะได้เห็นเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายเป็นพี่น้องกันและมีเมตตาปรารถนาดีต่อกัน สมดังพุทธดำรัสที่ว่า
ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้มีสุข
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้อยหรือใหญ่
ที่ได้เห็นหรือไม่ได้เห็น
ที่อยู่ใกล้หรือไกล
ขอสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นจงประสบความเกษมเถิด
ขอสัตว์ทั้งหลายอย่าพึงข่มเหงกัน
ไม่ก่อทุกข์แก่กันและกัน ด้วยความโกรธ ความคับแค้นใจ
ขอสัตว์ทั้งปวงจงมีเมตตาต่อกัน
ดุจมารดาถนอมรักบุตร จนแม้ชีวิตก็สละเพื่อรักษาบุตรไว้
บุคคลพึงเจริญเมตตาในใจไม่มีประมาณไม่มีที่สุด
ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง
ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู
เพราะผู้เจริญเมตตาจิตแล้ว
ย่อมถึงพร้อมด้วยศีล
ถึงพร้อมด้วยปัญญาญาณ
และหลุดพ้นจากกามและความเกิดอีก