ความมั่นคงในชีวิต… ความมั่นคงของใครกันแน่

วิชิต เปานิล 24 ธันวาคม 2005

อาจจะเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีเหนือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ที่เรามีความสามารถในการเรียนรู้ คิด วิเคราะห์ และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาเพื่อความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต

เราได้ใช้พรสวรรค์เหล่านี้มาสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตที่ไม่มั่นคงแน่นอนให้ดูเหมือนมั่นคงขึ้นในหลายรูปแบบ จนอาจกล่าวได้ว่าผลผลิตทางสังคมวัฒนธรรรมของมนุษยชาติ ล้วนเป็นผลมาจากการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตของตนเองทั้งสิ้น

ก็เพราะความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตหรือไม่ ที่ทำให้เราสร้างระบบการเมือง การปกครอง ระบบการศึกษา ระบบสุขภาพ รวมทั้งระบบประกันชีวิตและทรัพย์สินขึ้นมา

เพราะความต้องการความมั่นคงในอาหาร ที่อยู่อาศัย และทรัพยากรมิใช่หรือที่ทำให้คนเราตั้งแต่อดีต ต้องสู้รบแย่งชิงดินแดนทำสงครามจนเกิดความไม่มั่นคงกันถ้วนหน้า รวมทั้งได้ทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อมจนเกินที่จะเยียวยากันได้ในทุกวันนี้

มหันตภัยแทบทั้งหมดที่นำมาซึ่งความล่มสลายของอารยธรรมที่รุ่งเรืองในอดีต เมื่อมองไปแล้วล้วนมาจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้กับตนหรือพวกพ้องของตนเองเป็นสำคัญ

ยิ่งเมื่ออยู่ภายใต้กระแสสังคมที่ชี้นำด้วยแนวคิดบริโภคนิยมวัตถุนิยมด้วยแล้ว ความรู้สึกยึดมั่นถือมั่นที่มีต่อตัวตนของเรายิ่งถูกทำให้เข้มข้นขึ้นเป็นทวีคูณ ความต้องการความมั่นคงในชีวิตทางวัตถุยิ่งต้องมีมากขึ้นไปอีก

ปัจจุบันเรามีวิธีคิด วิธีการจัดการหลายรูปแบบที่จะนำมาใช้สร้างความมั่นคงให้กับชีวิตอันบอบบางของเรา เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ก่อนที่จะได้ลืมตาดูโลก เด็กต้องได้รับการตรวจอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้พ่อแม่มั่นใจว่าลูกที่จะเกิดมามีร่างกายและสมองที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้าไม่ ก็อาจถูกกำจัดออกไปเสียยังไม่ลืมตาดูโลก

และเมื่อถือกำเนิดออกมาแล้วก็ต้องมีกระบวนการรับรองตัวตนตามกฎหมาย ซึ่งก็เป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงให้กับตัวตนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง (ใครที่เคยกระเป๋าเงินหายยิ่งในต่างประเทศด้วยแล้ว คงรู้ดีว่าภาวะที่ไม่บัตรหรือมีเครื่องแสดงตนใดๆ มันน่ากลัวและวังเวงเพียงใด)

พอโตขึ้นอีกนิดเราก็จะถูกผลักดันให้เข้าสู่ระบบที่จะนำไปสู่ความมั่นคงในชีวิต เริ่มตั้งแต่การเรียนหนังสือ การรู้จักเข้าสังคม รู้จักทำงาน แล้วก็เริ่มสร้างมั่นคงให้กับชีวิตตนเองด้วยการสะสมเงินทอง ทรัพย์สิน หาผู้สืบทอดตัวตนเราต่อไปด้วยการสร้างครอบครัวมีลูกหลาน หาหลักประกันด้านสุขภาพ สร้างชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออนุสรณ์สถานให้ตัวเอง (เช่น ชื่อห้องประชุม ชื่อมูลนิธิ ชื่อยี่ห้อสินค้า ฯลฯ) เพื่อให้ตัวตนดำรงอยู่ต่อไปแม้ชีวิตจะหาไม่แล้ว

กล่าวได้ว่าผลผลิตทางสังคมวัฒนธรรรมของมนุษยชาติ ล้วนเป็นผลมาจากการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตตนเองทั้งสิ้น

คนทุกวันนี้ส่วนมากต้องดิ้นรนใช้ชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายแต่ก็ยังต้องทนทำต่อไปเพื่อความมั่นคงเหล่านี้

ครั้นจะคิดกบฎ ออกมาท้าทายสังคมไม่ยอมทำตามกระแสหรือกฎเกณฑ์ที่เขากำหนด หากไม่เข้มแข็งพอก็มักต้องบาดเจ็บจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการทางสังคมที่หนักเบาต่างกันขึ้นกับว่าจะท้าทายมากน้อยเพียงใด

แต่ในภาพรวมคือจะทำให้รู้สึกว่าตนเองไม่มีความมั่นคงในชีวิต โดยผ่านการพร่ำบอกของคนรอบข้างและผ่านการคิดใคร่ครวญของเราเอง จนคนส่วนใหญ่จะรู้สึกทนไม่ได้ต่อความรู้สึกเช่นนั้น ต้องหวนกลับมาวิ่งตามกระแสเหมือนคนอื่นๆ

ยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบันที่มีภาคธุรกิจที่ออกมาโหมโฆษณาหาผลประโยชน์จากความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิตกันมากมาย โดยเฉพาะบริษัทประกันชีวิตที่ทำธุรกิจโดยตรงกับความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิตของผู้คน และโหมโฆษณาที่แรงและหนักขึ้นทุกวัน เพราะยิ่งคนรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิตมากขึ้นเพียงใด บริษัทก็ยิ่งมีความมั่นคงมากขึ้นตามลำดับ

การที่จะก้าวพ้นหรือเป็นอิสระจากระบบความมั่นคงที่สังคมสร้างขึ้นนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นที่จะต้องมีหลักคิดต่อชีวิตหรือต่อความมั่นคงแบบใหม่เข้ามาแทนที่

ตั้งแต่อดีตมาหลายพันปี วิธีการหลักที่มนุษย์พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เผชิญกับปัญหาความไม่มั่นคงในชีวิต คือการผลิตเรื่องราวความเชื่อชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อสร้างศรัทธาให้ผู้คนได้ร้องขอ วิงวอน หรือฝากความหวังทั้งในชีวิตนี้ และชีวิตหลังความตาย โดยความเชื่อบางชุดได้ผ่านการพัฒนามาจนกลายเป็นศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลก

ศาสนาจึงเป็นอีกคำตอบหนึ่งในการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ที่มีความเข้มแข็งมากพอที่จะนำมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของผู้ที่ต้องการทางเลือกอื่นในเรื่องความมั่นคง

ในส่วนของสถาบันด้านบริโภคนิยมที่เป็นกระแสหลักอยู่ในปัจจุบัน ก็พยายามกำจัดคู่แข่งของตน โดยทำให้ข้อเสนอเรื่องความมั่นคงในชีวิตจากแง่มุมทางศาสนาดูเป็นเรื่องล้าสมัย เชย หรือเป็นสิ่งงมงาย

ในที่นี้ผมคงไม่ได้มีคำตอบ หรือไม่ได้มาเชิญชวนให้กลับมาศรัทธาหรือแสวงหาความมั่นคงในมิติของศาสนาอีกครั้ง เพราะคนในวงการศาสนาเองจำนวนไม่น้อยก็อาศัยพลังความศรัทธา มาสร้างความมั่นคงทางอำนาจและทรัพย์สินให้ตนเองจนน่าละอาย

จึงเพียงแต่อยากลองเสนอให้ท่านที่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยกับการแสวงหาความมั่นคงตามแบบที่สังคมยุคนี้นำเสนอ ได้ลองกลับมาทบทวนประเด็นเรื่องความมั่นคงของชีวิตในแบบพุทธๆ ของเรา ว่าจะยังคงใช้ได้อยู่มากน้อยเพียงใดในยุคปัจจุบัน

โดยอาจเริ่มต้นคิดที่โจทย์ง่ายๆ แต่เป็นประเด็นหลักของชาวพุทธเลยก็ได้ว่า นั่นคือลองใคร่ครวญกันดูซิว่าการทำประกันชีวิตควรถือเป็นหนึ่งในวิธีการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทแบบชาวพุทธหรือไม่ หรือเราจะสร้างความมั่นคงในชีวิตแบบชาวพุทธได้อย่างไร

คุณเห็นว่าอย่างไรครับ…


ภาพประกอบ