ตัดทอนจากปาฐกถาในการสัมมนาประจำปีของ เครือข่ายชาวพุทธเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคมไทย เรื่อง “อนาคตพุทธศาสนาไทย: เราจะฝ่าวิกฤตได้อย่างไร” เมื่อวันเสาร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ณ หอประชุม มหาวิทยาล
ตัดทอนจากการอภิปรายในการสัมนาประจำปีของ เครือข่ายชาวพุทธเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคมไทย เรื่อง “อนาคตพุทธศาสนาไทย: เราจะฝ่าวิกฤตได้อย่างไร” ดำเนินรายการโดย กิตติศักดิ์ ปกติ เมื่อวันเสาร์ที่
เมื่อเดือนที่แล้วมีข่าวเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง ซึ่งได้รับความสนใจจากสำนักข่าวชั้นนำทั่วโลก ข่าวนั้นก็คือ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ๒ แห่งในสหรัฐอเมริกาได้บทสรุปตรงกันอย่างมิได้นัดหมายว่า ชาวพุทธมีคว
เข้าพรรษาเวียนมาอีกครา ยามนี้ฟ้าดินราวกับจะเป็นใจ สายฝนโปรยปราย แมกไม้เขียวขจี ส่วนข้าวกล้าก็เติบใหญ่ ธรรมชาติทุกหนแห่งงอกงามพร้อมพรั่ง ราวกับจะเรียกร้องเชิญชวนให้ธรรมชาติภายในของเราเจริญงอกงามไปด้ว
นับตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ เป็นต้นมา มีความพยายามในหมู่ชาวพุทธชั้นนำที่จะทำให้พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อเข้าได้กับสังคมสมัยใหม่ ผลตามมาก็คือพุทธศาสนาหลังจากนั้นมีแนวโน้มที่จะเน้นประโยชน์ในโลกนี้ อาทิ ก
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานศีลข้อที่หนึ่งให้ชาวพุทธสมาทานนั้น พระองค์ไม่ได้ตรัสแม้แต่น้อยว่า ศีลข้อนี้อนุญาตให้ชาวพุทธฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้ในบางกรณี ความหมายของศีลข้อนี้ตามพุทธบัญญัติคือจงใจละเว้
แต่ไหนแต่ไรมาพุทธศาสนาไม่ได้แยกขาดจากไสยศาสตร์ ถ้าไสยศาสตร์หมายถึงระบบความเชื่อที่ยอมรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิทธิปาฏิหาริย์ และสิ่งลี้ลับเหนือปกติวิสัย พุทธศาสนาก็มีส่วนหนึ่งเป็นไสยศาสตร์อยู่แล้ว เพราะ
ทุกวันนี้ ศีล ๕ เห็นจะไม่เพียงพอเสียแล้วที่จะเป็นหลักธรรมขั้นพื้นฐานสำหรับการดำเนินชีวิตในสังคมสมัยใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีการเบียดเบียนที่ซับซ้อนและหลากรูปแบบที่ศีล ๕ คลุมไปไม่ถึง ทางออกประการหนึ่งท
แม่น้ำทุกสายล้วนกำเนิดจากต้นน้ำในป่าลึก มวลน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนตามสองฝั่งแม่น้ำล้วนรินไหลจากธารน้ำใสและน้ำซับบนภูสูง ปราศจากต้นน้ำหย่อมเล็กๆ ที่ซึ่งหยดน้ำพากันผุดพรายขึ้นมาจากแผ่นดิน แม่น้ำสาย
การปฏิรูปพุทธศาสนาในศตวรรษที่แล้ว พยายามทำให้พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์และเน้นประโยชน์ในโลกนี้ ผลที่ตามมาก็คือโกุตตรธรรมตลอดจนประโยชน์ในโลกหน้าถูกลดความสำคัญจนเลือนหายไป เหลือแต่โลกิยธรรมและประโยชน์ในโ
End of content
No more pages to load