งานกับชีวิต: เสียงเรียกร้อง

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ 30 สิงหาคม 2015

คืนวันที่ 17 สิงหาคม 2558  โศกนาฏกรรมระเบิดกลางเมืองบริเวณหน้าศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ได้พรากชีวิตผู้คนร่วม 20 ชีวิต และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก  เพียงไม่นานความตื่นตกใจและโกลาหลก็แผ่ลามไปทั่ว  ทันทีที่เกิดเหตุร้าย สำนึกรู้ที่เกิดขึ้นกับทุกผู้คน คือ ความห่วงใยต่อคนในครอบครัวและญาติพี่น้อง โทรศัพท์ถูกใช้งานอย่างหนักเพื่อแจ้งข่าว ถามไถ่ความปลอดภัย กล่าวเตือนให้ระมัดระวังภัยอันตราย และสิ่งสำคัญคือ กลับบ้าน

หากเราสามารถเดินทางเข้าไปในจิตใจของเราแต่ละคนได้  ไม่ยากเลยที่จะพบว่า เราต่างปรารถนาความปลอดภัย ความรัก และการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน  ยามเมื่อเกิดภัยพิบัติ สำนึกรู้ของความรักและความใส่ใจก็ทำงานโดยอิสระ

ท่ามกลางเหตุร้ายแรงนี้ ความน่ายินดีที่เราพบคือ ทันทีที่เสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความต้องการคลังเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ความต้องการบุคลากรการแพทย์ อาสาสมัครด้านภาษาเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บต่างชาติ ฯลฯ ความต้องการเหล่านั้นก็ถูกขานรับ อาสาสมัครจำนวนมากพร้อมกันช่วยเหลือโดยไม่หวั่นกลัวอันตราย

ในอีกทาง ตำรวจในฐานะผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับสังคมบ้านเมือง ต่างก็รีบเร่งทำหน้าที่ทั้งรีบเร่งจับคนร้าย ทำหน้าที่คืนความสงบปลอดภัย เก็บกู้ซากระเบิดที่อาจตกค้าง

ภาพที่ผู้เขียนสะดุดใจคือ เจ้าหน้าที่กอบกู้ระเบิดที่เข้าปฏิบัติหน้าที่เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้อื่น หลายคนมีอาชีพการงานที่เหน็ดเหนื่อย เสียสละ และปิดทองหลังพระ  หลายคนทำงานห่างไกลครอบครัว หลายคนทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้กับคนอยู่ใกล้  พร้อมกับที่หลายคนเลือกทำงานที่ให้ความสุขทางใจ ขณะที่หลายคนเลือกทำงานที่บั่นทอนคุณค่า คุณภาพชีวิต จิตใจ

เวลาที่เราเผชิญกับคำถามที่ว่า “เราคือใคร” บทบาทหน้าที่และอาชีพการงานเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยบอกเราว่าเราเป็นใคร  แม้บทบาทหน้าที่ อาชีพการงาน จะเป็นส่วนหนึ่งที่บอกความเป็นตัวเรา  แต่สิ่งเหล่านี้ก็คือ แหล่งพลังชีวิตที่สามารถเสริมสร้าง และเติมเต็มความหมายชีวิตให้กับเรา

งานจิตอาสา กลายเป็นกระแสสังคมที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมปัจจุบัน  ท่ามกลายภัยพิบัติ งานจิตอาสาก่อเกิดภายใต้เสียงเรียกร้องจากภายในของตนเองของหลายๆ คนที่เลือกลุกขึ้นมาหยิบจับ ขับเคลื่อน ลงมือกระทำบางสิ่งเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก  เพื่อแบ่งเบาภาระหรือเพื่อช่วยเหลือให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การสร้างสรรค์สิ่งดีงาม มีความหมายให้กับคนอื่น

งานจิตอาสา คือส่วนหนึ่งของงานที่ช่วยต่อเติม เติมเต็มให้กับชีวิต  งานส่วนนี้มีความหมายที่ช่วยให้ผู้คนจำนวนมากได้เรียนรู้เรื่องการเสียสละ การช่วยเหลือแบ่งปัน  เหมือนอาชีพการงานหลากหลายอาชีพที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น  งานช่วยเหลือคนอื่นทำให้หลายคนได้เป็นอิสระจากภาวะหมกมุ่นในตนเอง  แน่นอนว่าหลายคนทำงานนี้ให้กับครอบครัวด้วยการดูแลสุข ทุกข์ ใส่ใจ  หลายคนทำงานนี้ในฐานะ พ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ พี่น้อง

หลายคนเลือกทำงานเนื่องด้วยเสียงเรียกร้อง อาชีพการงานถูกเลือกด้วยเสียงเรียกร้องจากภายนอกที่กดดันหรือร้องขอ เช่น  พ่อแม่ สังคมอยากให้เราเป็นหมอ วิศวกร ฯลฯ อยากให้เราทำงานที่มีค่าตอบแทนสูง  เสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนไข้ ความเจ็บป่วย ก็ทำให้หมอและพยาบาลต้องทำหน้าที่  ภัยอันตราย อาชญากรรมในสังคม เรียกร้องให้ตำรวจและระบบความยุติธรรมต้องทำงานและแสดงความรับผิดชอบ  ระบบการประเมินผล เรียกร้องให้เราต้องระมัดระวังการทำงาน จากการถูกประเมินผลงาน  เสียงเรียกร้องของกระแสแฟชั่น ทำให้เราวิ่งตามความทันสมัย

หลายคนเลือกทำงานจากเสียงเรียกร้องของคนอื่น ขณะที่หลายคนเลือกทำงานจากเสียงเรียกร้องของตนเอง

เสียงเรียกร้องภายนอกอาจทำให้หลายๆ คนตัดสินใจไปตามปัจจัยภายนอก ซึ่งหมายถึงการมีชีวิตที่วิ่งตามกระแสสังคม  แต่ในตัวเรายังมีเสียงเรียกร้องจากภายในเองด้วย เช่น ความชอบ ความถนัด มุมมอง ทัศนคติ ฯลฯ

เสียงเรียกร้องภายในทำหน้าที่เหมือนผู้ตรวจสอบ ผู้ตัดสิน และเป็นผู้ขับเคลื่อนชีวิตในตัวเรา  และเมื่อเราทำตามกระแสเสียงภายนอกโดยขัดแย้งกับเสียงเรียกร้องภายใน ความทุกข์ใจย่อมเกิดขึ้น  หลายคนจึงเลือกที่จะทำงานที่ตอบสนองเสียงเรียกร้องภายใน  แต่ที่ยากลงไปกว่านั้นคือ การเท่าทันเสียงภายในนั้นๆ ว่าไม่ได้มาจากเสียงความไม่รู้ ความเขลาภายใน หรือมุมมองที่คับแคบ ฯลฯ

การรู้จักตนเอง การมีความสามารถเท่าทันกระแสสังคม และเท่าทันเสียงเรียกร้องจากภายนอก จึงเป็นการงานชีวิตสำคัญที่เราต้องทำให้กับตนเอง เพื่อไม่ให้เราถูกเสียงเรียกร้องภายในของความไม่รู้ ไม่เข้าใจชีวิตหลอกลวงได้

หากเราเดินทางเข้าไปลึกๆ ในจิตใจตนเอง ไม่ยากเลยที่จะพบว่าเราทุกคนต่างปรารถนาความมีคุณค่า การมีความหมาย และเสียงเรียกร้องจากภายในที่มาจากความเข้าใจในตนเอง ในพลังชีวิตที่ทำให้เราตัดสินใจภายใต้สำนึกรู้ในตนเอง

การเชื่อมโยงกับเสียงเรียกร้องภายใน จึงมีความหมายและทำให้เราตระหนักรู้ว่า “เราคือใคร”  เมื่อนั้นเสียงเรียกร้องจากภายนอก และเสียงเรียกร้องภายในจากความเขลา ก็จะมีฐานะเป็นเพียงสิ่งรับรู้ที่เข้ามาทำร้ายเราไม่ได้  ไม่ใช่แรงกดดันที่บีบบังคับเรา

เมื่อนั้นการมีความสุขจากภายใน จากการงานที่เรารัก ก็เป็นสิ่งใกล้ตัวในชีวิตเราเอง


ภาพประกอบ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

ผู้เขียน: ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

นอกเหนือจากบทบาทนักเขียนประจำคอลัมน์ งานสำคัญ คือ กระบวนกร นักจิตปรึกษา, enneagram coach สนใจและรักที่จะทำงานด้านการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายในผ่านทักษะ ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งงานอบรม การทำจิตปรึกษา และงานเขียน