เป็นเวลา ๑๐ ปีแล้วที่คนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนขบวนธรรมยาตรารอนแรมไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในจังหวัดชัยภูมิครั้งละ ๗-๘ วัน เพื่อเชิญชวนและ
ให้กำลังใจผู้คนในการอนุรักษ์ธรรมชาติซึ่งกำลังเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว เขาเหล่านี้เลือกที่จะเดินแทนการนั่งรถ เพื่อแสดงถึงความตั้งใจมั่นและพร้อมจะลำบากเพื่อเป็นปากเสียงให้แก่ป่าเขาลำเนาไพร ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการปฏิบัติธรรมไปด้วยในตัว ตามประเพณีจาริกบุญที่มีมาแต่โบราณ ทุกคนได้รับการเชิญชวนให้เดินอย่างสงบ สำรวมกายวาจา และมีสติในทุกขณะที่ก้าวเดิน แม้แดดร้อนแรงหรือทางไกลเพียงใด ก็รักษาใจไม่ให้ทุกข์ “เหนื่อยแต่กาย ใจเบิกบาน” “กายร้อน ใจไม่ร้อน” เป็นทั้งคำขวัญและคติเตือนใจผู้เดิน
ธรรมยาตรามิใช่เป็นแค่การเดินทางผ่านภูมิประเทศนานาชนิดเท่านั้น หากยังเป็นภาพสะท้อนของเดินทางของจิตใจด้วย เป็นมากกว่าการพาตัวให้ถึงที่หมายเท่านั้น หากยังเป็นการพาใจให้ถึงธรรมด้วย จะว่าไปแล้วธรรมยาตรามิใช่เป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันมาเดินกลางแดดปีละครั้งหรือนานๆ ครั้งเท่านั้น หากธรรมยาตรายังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเราทุกคนด้วย
ใช่หรือไม่ว่าชีวิตของเราทุกขณะเปรียบเสมือนการเดินทาง เราแต่ละคนต้องเลือกเส้นทางของตัวเอง จริงอยู่บางครั้งเราถูกผลักดันให้ต้องเลือกเส้นทางที่ไม่ได้ใฝ่ฝันหรือปรารถนา แม้กระนั้นเราก็ยังสามารถทำให้การเดินทางของเราเป็นเสมือนธรรมยาตรา นั่นคือเดินทางมิใช่เพื่อจุดหมายปลายทางที่เป็นรูปธรรม เช่น มีการงานและการเงินที่มั่นคง มีสถานะหรือตำแหน่งที่สูงเด่น มีชื่อเสียงเกียรติยศที่กำจาย ฯลฯ แต่เพื่อความเปลี่ยนแปลงภายใน นั่นคือการขัดเกลาจิตใจให้สะอาด หรือยกใจให้สูงขึ้น โดยพร้อมที่จะทวนกระแสกิเลส แม้ต้องประสบกับความยากลำบาก ไม่สะดวกสบาย แต่ก็มีความสุขใจเป็นรางวัล อย่าลืมว่า ที่สุดของการเดินทวนน้ำคือต้นน้ำที่ใสสะอาดและฉ่ำเย็นฉันใด ที่สุดของการทวนกระแสกิเลส คือต้นธารแห่งความสุขที่หล่อเลี้ยงใจให้สงบเย็น แต่แม้จะยังไม่ถึงต้นน้ำ ธารใสระหว่างทางก็สามารถดับกระหาย ระงับความรุ่มร้อน หรือชำระใจให้สะอาดได้
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน มีอาชีพอะไร ก็สามารถทำให้ชีวิตของเราดำเนินบนเส้นทางธรรมได้ นั่นคือมีธรรมเป็นจุดหมาย ขณะเดียวกันก็มีธรรมเป็นมรรควิธี กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ “เพื่อธรรมและโดยธรรม” ธรรมนั้นย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน การมีธรรมเป็นจุดหมาย
ก็คือการบรรลุถึงประโยชน์ตนและถึงพร้อมด้วยประโยชน์ท่าน จะทำเช่นนั้นได้ก็ด้วยการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ มีเมตตากรุณา มีความพากเพียร รู้จักอดกลั้น และหมั่นไตร่ตรองด้วยปัญญา การดำเนินชีวิตด้วยธรรม ย่อมช่วยให้มีพลังในการก้าวข้ามอุปสรรคทั้งปวง ไม่พ่ายแพ้ต่อความทุรกันดารที่พานพบ ไม่ระย่อต่อความยากลำบาก สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี หรือพบสุขท่ามกลางความทุกข์ได้
เมื่อมีธรรมย่อมไม่กลัวความยากลำบาก ซ้ำยังแปรเปลี่ยนอุปสรรคให้กลายเป็นของดีที่มีคุณประโยชน์ต่อจิตใจ แม้มีทุกข์มากระทบก็ไม่กระเทือนถึงใจ พรหรือสิ่งประเสริฐที่แท้จริงจึงมิใช่ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และธนะ แต่อยู่ที่ธรรมต่างหาก เพราะเมื่อดำเนินชีวิต เพื่อธรรม และโดยธรรมแล้ว ย่อมอยู่ในอารักขาของธรรมอย่างแน่นอน
ปีใหม่นี้แทนที่จะเรียกหาแต่อายุ วรรณะ สุขะ พละ และธนะ ไม่ดีกว่าหรือที่จะแสวงหาธรรมเพื่อนำมากำกับชีวิต หรือตั้งจิตมั่นที่จะยาตราบนทางธรรมโดยไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคทั้งปวงที่รออยู่ข้างหน้า
อ่านจดหมายข่าวพุทธิกาฉบับอื่นๆ ได้ ที่นี่