ฉันทำงานเรื่องการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองมาแล้วหลายปี คนไข้ของฉันคือกลุ่มคนที่กลับไปเสียชีวิตที่บ้าน บางช่วงเวลาที่พิเศษอย่างเหลือเชื่อได้ถูกแบ่งปัน เมื่อฉันได้อยู่ร่วมกับพวกเขาในช่วง ๓-๑๒ สัปดาห์สุดท้ายของชีวิต
ผู้คนจะเติบโตขึ้นมากเมื่อเผชิญกับความตายของตนเอง ฉันเรียนรู้ที่จะไม่ดูถูกความสามารถในการเติบโตไม่ว่าของใครก็ตาม บางความเปลี่ยนแปลงอาจถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ แต่ละประสบการณ์มีหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกอย่างที่คาดไว้ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธ ความกลัว ความโกรธ ความเศร้าโศก การปฏิเสธอีก แล้วจึงยอมรับในที่สุด อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยทุกคนล้วนได้พบกับความสงบสุขตามทางของตนก่อนที่จะจากไป
เมื่อถูกเอ่ยถามถึงสิ่งที่พวกเขาเสียใจหรืออาจจะทำต่างออกไป หัวข้อเดิมๆ ก็เผยโฉมออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนี่คือคำตอบร่วม ๕ อันดับแรก
นี่คือความเสียใจที่มีร่วมกันมากที่สุด เมื่อผู้คนตระหนักว่าชีวิตของพวกเขากำลังจะสิ้นสุดลง และได้มองย้อนกลับไปอย่างชัดเจน เป็นเรื่องง่ายที่จะมองเห็นว่ามีความฝันที่ไม่ได้รับการเติมเต็มมากมายเพียงใด คนส่วนใหญ่ ไม่เคยได้ชื่นชมยินดีแม้เพียงครึ่งหนึ่งของความฝัน และต้องตายไปโดยรู้ว่านั่นเป็นเพราะการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกของตน
การพยายามทำและชื่นชมกับความฝันอย่างน้อยบางเรื่องในระหว่างที่มีชีวิตเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันจะสายเกินไปหากคุณสูญเสียสุขภาพที่แข็งแรงไปแล้ว น้อยคนนักจะตระหนักว่าสุขภาพที่แข็งแรงนำอิสรภาพมาให้ จวบจนกระทั่งเขาไม่มีทางได้มันกลับคืนมาอีก
คำตอบนี้มาจากผู้ป่วยชายทุกคนที่ฉันดูแล พวกเขาพลาดวันเวลาในวัยเด็กของลูกๆ และการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคู่ชีวิตของพวกเขา ฝ่ายหญิงก็กล่าวถึงความเสียใจดังกล่าวเช่นกัน แต่คำตอบส่วนใหญ่มาจากคนรุ่นก่อนๆ ที่ผู้ป่วยหญิงโดยมากยังไม่ได้เป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว ผู้ป่วยชายทั้งหมดที่ฉันดูแล ต่างก็เสียใจมากที่ใช้เวลาในการดำเนินชีวิตส่วนใหญ่ไปกับงานประจำซ้ำซากที่น่าเบื่อ
ด้วยการดำเนินชีวิตให้เรียบง่ายและตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตอย่างมีสติ คุณอาจไม่จำเป็นต้องมีรายได้มากเท่าที่คุณคิด และด้วยการสร้างพื้นที่ชีวิตให้มากขึ้น คุณก็จะมีความสุขและเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ได้มากขึ้น เหมาะสมกับวิถีชีวิตใหม่ของคุณยิ่งขึ้น
ผู้คนจำนวนมากกดข่มอารมณ์ความรู้สึกของตนเองเพื่อรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ผลก็คือ พวกเขาดำรงชีวิตอย่างครึ่งๆ กลางๆ และไม่เคยได้เป็นคนอย่างที่ควรจะเป็นตามศักยภาพที่แท้จริง ความเจ็บป่วยมากมายสัมพันธ์และเป็นผลจากความขมขื่นและความคับแค้นใจที่พวกเขาแบกรับ
เราไม่สามารถจะควบคุมปฏิกิริยาตอบสนองของผู้อื่นได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคนทั่วไปอาจจะมีปฏิกิริยาอยู่บ้างในช่วงแรกเมื่อคุณปรับเปลี่ยนตัวเองโดยการพูดจาอย่างซื่อสัตย์จริงใจ แต่ท้ายที่สุดมันจะช่วยยกความสัมพันธ์ไปสู่ระดับใหม่และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างที่กล่าวมาหรือเพราะมันจะปลดปล่อยความสัมพันธ์ที่ไม่ดีออกไปจากชีวิตของคุณ คุณก็คือผู้ชนะ
บ่อยครั้งที่พวกเขามักจะไม่ตระหนักถึงความสำคัญของเพื่อนเก่า จนกระทั่งช่วงสัปดาห์ที่ใกล้จะเสียชีวิต และมักจะเป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อเพื่อนๆ เหล่านั้น หลายคนถูกจองจำอยู่กับชีวิตของตนจนปล่อยให้มิตรภาพอันมีค่าผ่านล่วงเลยไปปีแล้วปีเล่า มีความเสียใจมากมายหลายประการเกี่ยวกับการไม่สละเวลาและความพยายามให้กับมิตรภาพอย่างที่ควรจะเป็น ผู้ป่วยทุกคนต่างก็คิดถึงเพื่อนเมื่อเผชิญภาวะใกล้ตาย
เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็ตามที่ดำเนินชีวิตอย่างวุ่นวายจะปล่อยให้มิตรภาพหลุดลอยไป แต่เมื่อคุณได้เผชิญหน้ากับความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาทุกที เมื่ออายตนะทั้งห้าเสื่อมถอย หากเป็นไปได้คนทั่วไปมักต้องการจัดระเบียบการเงินของตน แต่เงินหรือสถานะไม่ใช่เรื่องสำคัญที่แท้จริง พวกเขาต้องการจัดระเบียบสิ่งต่างๆ เพื่อคนที่พวกเขารัก แม้ว่ามักจะป่วยและอ่อนแรงเกินกว่าที่จะจัดการงานดังกล่าวได้โดยตลอด ทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ล้วนแต่เป็นเรื่องของความรักและความสัมพันธ์
ถือว่าเป็นคำตอบที่มีร่วมกันอย่างน่าประหลาดใจ หลายคนไม่ได้ตระหนักจนกระทั่งถึงบั้นปลายชีวิตว่าความสุขเป็นทางเลือก พวกเขาติดอยู่ในรูปแบบและนิสัยเดิมๆ สิ่งที่เรียกว่า ‘ความสบาย’ ของความเคยชินเดิมๆ หลั่งไหลเข้ามาสู่อารมณ์ความรู้สึก เฉกเช่นเดียวกับ ความต้องการทางกาย ความกลัวการเปลี่ยนแปลงทำให้พวกเขาแสร้งทำต่อผู้อื่นและต่อตนเองว่าตนมีความสุขอยู่ เมื่อลงลึกเข้าไปภายใน พวกเขาปรารถนาที่จะหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติและมีความขำขันในชีวิตได้อีกครั้ง
ในยามที่คุณนอนรอความตาย สิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวคุณอยู่พ้นไปจากความคิด/จิตใจของคุณมาก จะน่ามหัศจรรย์แค่ไหนที่สามารถปล่อยวางและยิ้มแย้มได้อีกเนิ่นนานก่อนที่คุณจะตาย