ชีวิตใหม่หลังปีใหม่

พระไพศาล วิสาโล 4 มกราคม 2009

ความสุขมิได้อยู่ไกลตัวเลย หากมองเป็นก็เห็นสุขอยู่รอบตัว ที่จริงความสุขมีอยู่กับเราตลอดเวลาอยู่แล้วเป็นแต่เรามองไม่เห็นเอง  ไม่ต้องดูอื่นไกล การที่เราได้กินอิ่ม นอนอุ่น มีสุขภาพดี นับเป็นความสุขของชีวิต แต่เรามักไม่ตระหนักความจริงข้อนี้จนกว่าจะสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไป ต่อเมื่อเราล้มป่วยจึงได้คิดว่าตอนที่ไม่เจ็บไม่ป่วยนั้นเป็นสุขอย่างยิ่งแล้ว

เรามักเข้าใจว่าความสุขจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อร่ำรวย มีคนรัก มีงานดี มีตำแหน่งสูง ฯลฯ การมองเช่นนั้นคือการเอาความสุขฝากไว้กับอนาคต  เราไม่ควรจะรอให้ได้สิ่งเหล่านั้นก่อนถึงจะมีความสุข สิ่งสำคัญกว่าก็คือมีความสุขอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้ไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ตอนนี้เราก็มีความสุขได้ เพราะสุขที่แท้นั้นมีอยู่แล้วในใจเรา

หากวางใจเป็นก็สามารถมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่ามีหรือจน ได้หรือเสีย พบหรือพราก  อะไรเกิดขึ้นกับเราไม่สำคัญเท่ากับว่าเรามองหรือรู้สึกกับมันอย่างไร  ถ้าเรามองว่าอนิจจังเป็นธรรมดาของชีวิต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราก็ทำให้เราเป็นทุกข์ไม่ได้ แม้สิ่งนั้นจะเป็นความตายก็ตาม ในทำนองเดียวกันถ้ารู้จักมองในแง่บวก ความป่วยก็กลายเป็นคุณ เคราะห์ก็กลายเป็นโชค

กุญแจสู่การบรรลุความสุขในปัจจุบันก็คือการรู้จักตนเอง  ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักตนเอง เราก็จะเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป เพราะได้เท่าไรก็ไม่พอใจเสียที แม้ไม่มีใครมาทำอะไรเราเลย เราก็ยังเป็นทุกข์อยู่นั่นเอง ทั้งนี้เพราะในส่วนลึกเราทะเลาะกับตัวเองอยู่เกือบตลอดเวลา  เมื่อใดที่เรารู้จักตัวเองอย่างแจ่มชัด เราจะกลับมามีสันติกับตัวเอง แล้วความสุขที่เคยสูญเสียไปก็จะกลับคืนสู่ชีวิตเรา

น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ผู้คนมองข้ามความจริงข้อนี้ไป กลับไปให้ความสำคัญกับสิ่งนอกตัว โดยเฉพาะสิ่งเสพสิ่งบริโภคและเทคโนโลยี ด้วยความเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นจะให้ความสุขที่แท้แก่ตนได้  แต่เราลืมไปว่าไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ เราต้องแลกอะไรบางอย่างเสมอเพื่อจะได้สิ่งที่ปรารถนา  อะไรบางอย่างนั้นอาจเป็นเงินทอง ความเหนื่อยยาก หรือเวลา  อยากได้ความสงบก็ต้องยอมเสียเวลาเดินทางไปที่สงัด อยากได้ความสบายก็ต้องยอมเสียเงินเงินซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวก แม้บางอย่างจะได้ฟรี แต่ยิ่งมีมูลค่ามากเท่าไร ก็ยิ่งมีภาระต้องดูแลรักษา  บางอย่างที่เราต้องแลกไปนั้นอาจมองเห็นไม่ชัด จนเวลาล่วงเลยผ่านไปจึงค่อยตระหนัก เช่น อยากได้ชีวิตที่สะดวกสบายในเมืองก็ต้องสูญเสียชีวิตที่สงบ เนิบช้าและใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมทั้งต้องเจอกับความไม่ปลอดภัยและมลภาวะนานาชนิด

สิ่งเสพสิ่งบริโภคให้ความสุขและรสชาติแก่ชีวิตก็จริง แต่เราก็ต้องสูญเสียสิ่งต่างๆ ไปมากมาย นอกจากเงินแล้ว เรายังต้องเสียเวลาที่มีอยู่ในโลกนี้อย่างจำกัดไปกับการแสวงหา ดูแลรักษา และใช้มัน  ยิ่งซื้อมาแพงก็ยิ่งต้องเสียเวลาในการใช้มัน หาไม่ก็จะรู้สึกว่าไม่คุ้ม แต่สิ่งที่ตามมาคือมีเวลาเหลือน้อยลงสำหรับสิ่งที่มีคุณค่าอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย การพักผ่อน การมีเวลาอยู่กับพ่อแม่และลูกๆ จนกระทั่งเวลาที่จะอยู่กับตัวเองก็แทบไม่มี  สภาพดังกล่าวเกิดขึ้นแม้กับอุปกรณ์ที่น่าทุ่นเวลาให้เรา เช่น รถยนต์ ดังที่เห็นได้ทั่วไปว่าทุกวันนี้เราเสียเวลาไปกับรถยนต์มากมายเพียงใด แค่เวลาที่เสียไปกับการหาเงินเพื่อผ่อนรถและซื้อน้ำมันมาใส่รถก็มากโขแล้ว

แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เราสูญเสียไปโดยแทบไม่รู้ตัว นั่นก็คืออิสรภาพทางใจ  ยิ่งพึ่งพาความสุขและความสะดวกสบายจากสิ่งเสพมากเท่าไร เราก็ยิ่งผูกติดและตกเป็นทาสของมัน  แทนที่มันจะเป็นของเรา เรากลับเป็นของมัน คอยนึกเป็นห่วงมัน และยอมให้มันครองใจจนเป็นภาระที่หนักอึ้ง  แม้มันเสียหรือหายไป ก็ยังปล่อยวางไม่ได้ บางคนถึงกับยอมตายเพื่อปกป้องรักษามัน

ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักตนเอง เราจะเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป แม้ไม่มีใครมาทำอะไรเราเลย เราก็ยังเป็นทุกข์อยู่นั่นเอง ทั้งนี้เพราะในส่วนลึกเราทะเลาะกับตัวเองอยู่เกือบตลอดเวลา

ในยุคที่ผู้คนเชิดชูเสรีภาพและเรียกร้องอิสรภาพจากการครอบงำของผู้อื่น เรากลับยอมสูญเสียอิสรภาพทางจิตใจให้แก่สิ่งเสพและเทคโนโลยี จนแทบอยู่ไม่ได้หากขาดมัน  ผู้คนเป็นอันมากเอาความสุขและความมั่นคงของตัวตนไปผูกติดกับมัน เพราะเชื่อว่ามันจะทำให้เป็นสุขและตัวตนมั่นคงได้ แต่ชีวิตกลับยิ่งขาดความสุขและตัวตนรู้สึกไร้ความมั่นคงมากขึ้น  จะว่าไปแล้วลึกไปกว่าการตกเป็นทาสของสิ่งเสพและเทคโนโลยี ก็คือการตกเป็นทาสของความยึดติดในตัวตนนั่นเอง  เป็นเพราะความยึดติดถือมั่นในตัวตน มนุษย์เราจึงพยายามแสวงหาและครอบครองสรรพสิ่งทั้งรูปธรรมและนามธรรม ด้วยความปรารถนาและยึดมั่นสำคัญหมายว่ามันเป็นเราและของเรา

อิสรภาพของชีวิตที่แท้จริงนั้นมิได้อยู่ที่การไม่มีอะไรเลย หากเกิดขึ้นได้เมื่อจิตใจไม่พึ่งพาและยึดติดความสุขจากสิ่งเสพและเทคโนโลยีทั้งปวง เพราะรู้ว่ามันไม่จิรังยั่งยืน ต้องแลกกับภาระซึ่งทำให้เป็นทุกข์ และไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาได้อย่างแท้จริง  อิสรภาพของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อเราสามารถเข้าถึงความสุขอันประณีตจากภายใน จนแลเห็นว่าความสุขจากวัตถุสิ่งเสพนั้นทั้งหยาบและเข้มข้นระคนด้วยทุกข์  ยิ่งสามารถประจักษ์ถึงสัจธรรมจากการเพ่งพินิจภายใน จนแลเห็นว่าความยึดติดถือมั่นในตัวตนเป็นรากเหง้าแห่งพันธนาการและความทุกข์ทั้งปวง การเป็นอิสระจากความยึดติดถือมั่นในตัวตนจึงจะเกิดขึ้นได้ และนั่นคือการบรรลุถึงชีวิตอิสระอย่างสมบูรณ์

ปีใหม่นี้หากจะหวังสิ่งใหม่ ก็อย่าหวังเพียงได้สมบัติชิ้นใหม่  หากควรมองให้ไกลไปถึงชีวิตใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยใจที่ใหม่ ใหม่ในการมองโลก และใหม่ในการมองตน จนเห็นว่าไม่มีอะไรที่ประเสริฐยิ่งกว่าการมีชีวิตที่อิสระจากความยึดติดถือมั่นในตัวตน

ขอให้ทุกท่านก้าวหน้าบนวิถีแห่งชีวิตอิสระในทุกขณะของลมหายใจตลอดปีใหม่นี้


ภาพประกอบ

พระไพศาล วิสาโล

ผู้เขียน: พระไพศาล วิสาโล

เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต และประธานมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา