ในวันคล้ายวันเกิด เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เราจะได้รับคำอวยพร ความปรารถนาดีจากเพื่อนมิตรทั้งใกล้ไกล วาระพิเศษที่บอกเราว่า เส้นทางของชีวิตเรามาไกลขึ้นอีก 1 ปี และนั่นหมายความว่า เวลาในชีวิตเราก็กำลังเข้าใกล้จุดจากพรากอีก 1 ปีเช่นกัน พูดอย่างตรงๆ จริงๆ และไม่ประมาณ ไม่มีใครรู้ว่า เราจะได้เฉลิมฉลองวันเกิดในปีหน้าหรือไม่
พอแล้วกระมัง สำหรับของขวัญวันเกิดที่เป็นวัตถุสิ่งของ ทุกสิ่งอย่างที่มีอยู่ดูจะเกินพอสำหรับการใช้ชีวิตเรียบๆ ง่ายๆ แล้ว มีแต่คิดว่าจะเก็บข้าวของที่เกินกว่าจะใช้ไปทางไหนดี และแล้วจู่ๆ ก็ได้ให้ของขวัญวันเกิดตัวเอง ด้วยการไปร่วมกิจกรรมเรียนรู้ “เป็นมิตรกับตัวเอง” จัดโดย “เสมสิกขาลัย” ฟังชื่อก็ดึงดูดใจนักหนา การทำดีกับตัวเองอย่างเป็นมิตร ไม่ได้หมายถึงการคิดเห็นแก่ตัว หรือทำประโยชน์ให้ตัวเองเท่านั้น
มิตร มิได้แปลว่า ต้องตามใจกัน เอาใจกันอย่างเดียว มิตรที่ดี ต้องกล้าตักเตือน พูดบอกในสิ่งที่อาจจะไม่ถูกใจ ด้วยความปรารถนาดี อยู่เป็นเพื่อน ยืนเคียงข้าง ยอมรับกันได้ ไม่ว่าจะเจอเรื่องดีเรื่องร้าย
3 วันที่ได้เรียนรู้การเป็นมิตรกับตัวเอง ผ่านกิจกรรมมากมาย การก้าวข้ามบางสิ่งที่ไม่คุ้นเคย การทำในสิ่งที่ไม่ถนัดและขัดใจตัวเองอยู่บ้าง แต่ก็ขัดเกลาจิตให้ได้เห็นตัวเอง สบตากับความไม่จริงของตัวเอง ลอกคราบเปิดเปลือยทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ ยอมรับว่า เราก็แค่คนคนหนึ่ง เมื่อมีสิ่งไม่ปรารถนาเกิดขึ้น ก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ความรู้สึก “ชอบ” “ชัง” ยังมีได้ ถ้าจิตเราพอจะตามรู้ตามทัน
เป็นโจทย์ที่ท้าให้เราก้าวข้ามความรู้สึกบางอย่าง เพื่อนร่วมห้องเรียนต่างเพศวัย ต่างที่มาล้วนเป็นคนแปลกหน้าต่อกันหมุนเวียนผ่านเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเรา
“ใครนะตรงหน้า อึดอัดจังที่ต้องมองหน้า หยุดสายตาจับจ้องเข้าไปในดวงตาคู่ที่ไม่คุ้น เขากำลังคิดอะไรกับเราเหรอ จะให้กางแขนกอดรับกระชับร่างของเขาเข้ามาแนบชิดกับเรานะเหรอ คนที่เรารักที่บ้านยังไม่กอดเลย นี่ใครกัน ฉันจะทำได้หรือนี่ …ก็ทำๆ ไปเถอะ” ความในใจเช่นนี้ ทำให้รู้ว่า เราก็มีเขตหวงห้าม มีพื้นที่ที่จะยอมให้ใครใกล้ชิด หรือเว้นห่าง ไม่ได้เปิดรับมนุษย์ทุกคนได้หรอก ต่อให้มีคนบอกว่า เราเป็นคนเปิดเผย อัธยาศัยดี มนุษย์สัมพันธ์เลิศก็ตาม
ลอกคราบเปิดเปลือยทีละเล็กละน้อย แล้วค่อยๆ ยอมรับว่าเราก็แค่คนคนหนึ่ง
ยังคงไม่คุ้นชินอยู่ดี ต่อให้เพื่อนร่วมห้องเรียนเวียนมาให้กอดกันเป็น 10 มีบางอ้อมกอด ที่แอบรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งได้กอดคนที่เราอยากกอดจริงๆ จะเป็นอย่างไร กิริยาการกอดเป็นภาษากายที่ง่ายงามเป็นธรรมชาติ เด็กไร้เดียงสาอ้าแขนรอรับการกอดจากพ่อแม่คนรักคนไว้วางใจได้ทุกเมื่อ เพราะเหตุใดพอเราโตขึ้น การกอดกลับกลายเป็นเรื่องยาก
แม้ว่ายังไม่สามารถก้าวข้ามบางความรู้สึก เพื่อกอดคนที่เราอยากกอดได้ในวันนี้ แต่ก็พอจะยอมรับและเรียนรู้ว่าการกอด ก็ไม่ใช่วิธีบอกรักเพียงอย่างเดียว รักก็คือรัก รักโดยที่ไม่ต้องกอดด้วยกายแนบกาย แต่กอดด้วยสายตา ความรู้สึก และการกระทำอันอ่อนโยนต่อกัน ก็น่าจะสำคัญและอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การกอดด้วยกายสัมผัส
หนึ่งในความทุกข์โทมนัสที่สุดของมนุษย์คือ การพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจ แบบฝึกหัดที่ควรได้ฝึกสละละวางบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่แสนรัก เต็มไปด้วยเรื่องราวความทรงจำทั้งสุขเศร้าที่เล่าทีไรก็ยังสั่นสะเทือนอารมณ์ได้เสมอ หรือของใช้ประจำตัวที่จะขาดไม่ได้อย่างโทรศัพท์มือถือ ที่เป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว วางไม่ได้ หายนี่แทบจะเท่ากับตาย
เมื่อสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นของรัก หรือแม้แต่ผลงานที่เราบรรจงสร้างอย่างตั้งใจ เมื่อวันหนึ่ง สิ่งนั้นต้องพ้นมือเราไป หรือสูญสลายหายไปต่อหน้า ใจเราจะเป็นอย่างไร
อาลัยอาวรณ์ทุกข์ร้อนไป ก็ได้แต่ทุกข์ทุกทุกข์ แม้คนที่เรารัก วันหนึ่งก็ต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน ที่สำคัญเราอาจจะไม่รู้เลยว่า เขาหรือเราจะจากกันเมื่อไหร่ อาจจะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ภายในอาทิตย์นี้ เดือนหน้า อีก 5 เดือน หรืออีกกี่ปี
ความจริงที่จริงที่สุดเช่นนี้ก็มากพอจะทำให้ “หยุด” ตัวเองไว้ ณ ขณะนี้ อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อยู่กับตัวเองอย่างเป็นมิตร อะไรที่เคยกล่าวโทษทับถมตัวเอง ปฏิเสธตัวเองในบางการกระทำ ยอมรับไม่ได้เพราะการตัดสินดีชั่วถูกผิด เราอาจจะโอบกอดตัวเองได้บ้าง ยอมรับความเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์พร้อมของตัวเอง ปลอบโยน ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากการกระทำที่ผ่านพ้นมาแล้ว เมื่อรู้ว่า เราหรือใคร หรือสิ่งใดๆ ล้วนกำลังเดินไปสู่การร่วงหล่นสูญสลายหายไปทั้งสิ้น
การไม่ยอมรับตัวเองในบางเรื่อง ความรู้สึกว่า เรายังไม่ดีพอสำหรับบางเรื่อง ทำให้เรายอมรับคนอื่นได้ยาก ดีไม่ดีอาจเป็นที่มาของความคิดริษยา น้อยเนื้อต่ำใจ และแน่นอนความรู้สึกนึกคิดเช่นนี้มีผลต่อการกระทำต่อผู้คนรอบข้างไม่มากก็น้อย รู้ทันบ้างไม่ทันบ้าง การกลับมาดูแลตัวเอง เยียวยา ยอมรับตัวเอง จะทำให้เราเป็นอิสระจากความรู้สึกแย่ๆ ทั้งปวง
การเป็นมิตรกับตัวเอง มิใช่อะไรอื่น ก็เพื่อให้เรารักและเป็นมิตรกับคนอื่นได้ง่ายขึ้น บ่อยครั้งที่ความทุกข์ขมขื่นใจในตัวเอง ความโกรธเกลียดชิงชังที่ยังติดค้างบางเรื่องกับตัวเอง ก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับคนอื่น
หลังจากจบการศึกษา คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เข้าสู่อาชีพในสายสื่อสารมวลชนทำข่าวสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ จัดรายการวิทยุ และรายการโทรทัศน์ นอกจากสนใจประเด็นความเป็นไปของสังคมแล้ว ยังสนใจแนวทางการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับตัวเอง คนรอบข้าง และสังคมแวดล้อม ระยะหลังสนใจแนวทางการเรียนรู้พัฒนาตัวเองในมิติของชีวิตจิตใจ