เปิดเล่ม: จดหมายข่าวพุทธิกา ฉบับที่ 33

พระไพศาล วิสาโล 1 มกราคม 2009

สำหรับคนไทยทั้งประเทศ  ๒๕๕๑ เป็นปีที่ไม่ราบรื่นสดใสเลยตั้งแต่ต้นจนจบ  ขึ้นปีใหม่ได้แค่ ๒ วัน  ประเทศไทยก็สูญเสียพระผู้เป็นมิ่งขวัญของปวงชน สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  หลังจากนั้นไม่กี่เดือนความขัดแย้งทางการเมืองก็ปะทุขึ้นมาใหม่ นำไปสู่การชุมนุม เดินขบวน และเผชิญหน้ากันระหว่างคนในชาติ ไม่เฉพาะที่กรุงเทพฯ แต่ลามไปตามหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศ  จนในที่สุดก็เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต  ยังไม่นับความเสียหายเหลือคณานับอันเนื่องจากการยึดสนามบินสำคัญ ๒ แห่ง  ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังกระจายไปทั่วทั้งโลก และซัดกระหน่ำประเทศไทยหนักขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามมองในแง่ดีก็คือแม้ว่าความขัดแย้งจะรุนแรงเพียงใด เหตุการณ์นองเลือดหรือจลาจลกลางเมืองก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่หลายคนวิตก  การเมืองบนท้องถนนลดความตึงเครียดลงไปก่อนที่ปีเก่าจะผ่านพ้นไป  ทำให้ผู้คนสามารถยิ้มออกได้บ้างในเทศกาลปีใหม่ และช่วยให้มีเวลาครุ่นคิดเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่กำลังรุมเร้าเข้ามาในอีกไม่นานนี้

ไม่ว่าอนาคตจะน่าวิตกเพียงใด  พึงระลึกไว้เสมอว่ามนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่จะเผชิญหน้ากับวิกฤตต่างๆ  อุปสรรคทั้งปวงนั้นสามารถพลัดพรากทรัพย์สิน บั่นทอนสูขภาพ และขัดขวางการงานของเราได้เสมอ  แต่มันไม่สามารถยัดเยียดความทุกข์ หรือช่วงชิงความสุขไปจากเราได้เลยหากเราไม่ปล่อยใจไปตามอำนาจของมัน  สุขหรือทุกข์นั้นอยู่ที่ใจเป็นสำคัญ  สูญเสียเพียงใดก็ยังสามารถสุขได้หากวางใจให้เป็น เช่นนึกถึงคนที่ทุกข์กว่าเรา หรือนึกถึงวันคืนที่เราเคยทุกข์กว่านี้แต่ก็ยังยิ้มหัวได้  ยิ่งเรารู้จักปล่อยวาง  ไม่ยึดติดถือมั่นหรือห่วงหาอาลัยในสิ่งที่เคยมี  ไม่ตีตนไปก่อนไข้หรือวิตกกังวลล่วงหน้า  หากยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น โดยไม่ปฏิเสธผลักไสหรือก่นด่าชะตากรรม เมื่อนั้นก็ไม่มีความพลัดพรากสูญเสียใดๆ ทำอะไรเราได้เลย

การยอมรับความจริงไม่ได้หมายถึงการยอมจำนน  แต่หมายถึงการยอมรับว่าความพลัดพรากสูญเสียได้เกิดขึ้นแล้ว ป่วยการที่จะตีอกชกหัวหรือเสียดายอาลัยสิ่งต่างๆ  สิ่งที่ควรทำก็คือจะทำตนให้เป็นสุขในปัจจุบันให้ได้ พร้อมกับมองไปข้างหน้าเพื่อหาทางแก้ปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงไป ทั้งนี้โดยตระหนักว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ตัวเราเท่านั้น หากขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต่างๆ อีกมากมาย  ดังนั้นแม้จะล้มเหลว ก็ทำใจได้ว่า “มันเป็นเช่นนั้นเอง”

การทำใจได้เช่นนี้มิใช่อะไรอื่นหากคือสิ่งประเสริฐหรือ “พร” ที่สำคัญสำหรับปีใหม่นี้  ที่แล้วมาเรามักขอพรจากคนโน้นคนนี้  จะไม่ดีกว่าหรือหากเราหันมาสร้างพรด้วยตัวเอง  นั่นคือเอาธรรมมากำกับใจเพื่อสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆได้ โดยไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนปรวนแปรของโลก

โลกจะวุ่นวายร้อนรุ่มเพียงใด ใจก็ยังสามารถสงบเย็นได้เสมอ  ใจที่สงบเย็นนี้แหละที่จะช่วยให้สติกลับมาและปัญญาเพิ่มพูนเพื่อนำพาชีวิตให้พ้นวิกฤตและช่วยโลกให้ผาสุกได้

ขอให้ผู้อ่าน พุทธิกา ทุกท่านมีกำลังใจในการสร้างพรดังกล่าวให้เกิดมีขึ้นกับตนและแผ่ไปยังผู้คนรอบข้างจนสามารถเป็นสุขได้ตลอดปีใหม่นี้

บทความที่เกี่ยวข้อง


อ่านจดหมายข่าวพุทธิกาฉบับอื่นๆ ได้ ที่นี่

พระไพศาล วิสาโล

ผู้เขียน: พระไพศาล วิสาโล

เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต และประธานมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา